พลาสติกจัดเป็นสารประกอบพวกไฮโดรคาร์บอนที่มีน้ำหนักโมเลกุลสูง มีโมเลกุลซ้ำๆ กันต่อกันเป็นโมเลกุลสายยาวๆ มีธาตุสำคัญเป็นคาร์บอน, ไฮโดรเจน, และออกซิเจน นอกจากนี้อาจมีธาตุอื่นๆเป็นองค์ประกอบย่อย เช่น ไนโตรเจน, ฟลูออรีน, คลอรีน, รวมทั้งกำมะถัน เป็นต้น บางครั้งพบว่ามีการใช้คำว่า “พลาสติก” แล้วก็ “โพลิเมอร์” ในความหมายเดียวกัน หรือใกล้เคียงกัน แต่ว่าคำว่า “โพลิเมอร์” คือวัสดุชนิดพลาสติก ยาง เส้นใย แล้วก็กาว

ส่วนคำว่า “พลาสติก” คือสารผสมระหว่างโพลิเมอร์และก็สารเติมแต่ง ตัวอย่างเช่น สี สารพลาสติกไซเซอร์ สารเพิ่มเสถียรภาพ รวมทั้งฟิลเลอร์ ที่ถูกนำมาประยุกต์ใช้งานเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปโดยการขึ้นรูปให้มีทรงต่างๆ ดังเช่น ถัง จาน แล้วก็ช้อนฯลฯ ถ้าหากแปลตามรากศัพท์คำว่า โพลิเมอร์ หรือ polymer มาจากคำภาษากรีก 2 คำ เป็นคำว่า Poly มีความหมายว่ามากทั้งคำว่า mer มีความหมายว่าหน่วย โพลิเมอร์จึงมีความหมายว่า สารที่มีโมเลกุลประกอบด้วยหน่วยซ้ำๆกันต่อกันเป็นสายยาวๆ
ประเภทและการใช้งาน ถ้าหากจำแนกประเภทของพลาสติก ตามคุณสมบัติทางความร้อนสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

  1. เทอร์โมพลาสติก (Thermoplastic)
    โพลิเมอร์ชนิดนี้จะมีส่วนประกอบโมเลกุลของสายโซ่โพลิเมอร์เป็นแบบเส้นตรงหรือแบบกิ่งสั้นๆ สามารถละลายได้ดีในตัวทำละลายบางจำพวก เมื่อได้รับความร้อนจะอ่อนตัวรวมทั้งหลอมละลายเป็นของเหลว เหนียวหนืด เนื่องด้วย โมเลกุลของโพลิเมอร์ที่พันกันอยู่สามารถเคลื่อนผ่านกันไปมาได้ง่ายมากยิ่งขึ้นเมื่อได้รับความร้อน เมื่อเย็นตัวลงก็จะแข็งตัว ซึ่งการหลอมเหลวและเย็นตัวนี้ สามารถเกิดกลับไปกลับมาได้โดยไม่ทำให้สมบัติทางเคมีและก็ทางกายภาพ หรือองค์ประกอบของโพลิเมอร์เปลี่ยนไปมากนัก พลาสติกชนิดนี้สามารถขึ้นรูปโดยการฉีดระหว่างที่พลาสติกถูกทำให้อ่อนตัวและก็ไหลได้ด้วยความร้อนและความดัน เข้าไปในแม่พิมพ์ที่มีช่องว่างเป็นรูปร่างตามต้องการ หลังจากที่พลาสติกไหลเข้าจนกระทั่งเต็มแม่พิมพ์จะถูกทำให้เย็นตัวและถอดออกมาจากแม่พิมพ์ เมื่อได้ผลิตภัณฑ์ที่มีรูปร่างตามต้องการแล้ว ก็สามารถนำงานไปใช้ประโยชน์ได้ เมื่อใช้เสร็จแล้วสามารถนำกลับมารีไซเคิลได้โดยการบด และนำมาหลอมด้วยความร้อนเพื่อขึ้นรูปเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ได้อีก แต่พลาสติกจำพวกนี้มีข้อเสียรวมทั้งข้อจำกัดของการใช้งานคือไม่สามารถใช้งานที่อุณหภูมิสูงได้ เนื่องจากบางทีอาจเกิดการบิดเบี้ยวหรือเสียรูปทรงได้ ได้แก่ ขวดน้ำดื่มไม่เหมาะสำหรับใช้บรรจุน้ำร้อนจัดหรือเดือด
  2.  เทอร์โมเซตติ้ง (Thermosetting)
    โพลิเมอร์ประเภทนี้จะมีองค์ประกอบเป็นแบบร่างแห ซึ่งจะหลอมละลายได้ในกระบวนการขึ้นรูปครั้งแรกเท่านั้น ซึ่งในขั้นตอนนี้จะมีปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นทางเคมี ทำให้เกิดพันธะเชื่อมโยงระหว่างโมเลกุล ทำให้โพลิเมอร์มีรูปร่างที่ถาวร ไม่สามารถที่จะหลอมละลายได้อีกเมื่อได้รับความร้อน และถ้าหากได้รับความร้อนสูงเกินไปจะมีผลทำให้พันธะระหว่างอะตอมในโมเลกุลแตกออก ได้สารที่ไม่มีสมบัติของความเป็นโพลิเมอร์ต่อไป พลาสติกที่ใช้มากในปัจจุบัน

พลาสติกที่ถูกประยุกต์ใช้ในจนวนมากในปัจจุบันมีอยู่หลายประเภทซึ่งสามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ จึงมีการใส่สัญลักษณ์ตัวเลขเพื่อให้ง่ายต่อการจัดชนิดและประเภทของพลาสติก ตัวเลขทั้ง 7 ตัวนี้ จะอยู่ในสัญลักษณ์รูปสามเหลี่ยมที่มีลูกศรสามตัววิ่งตามกันและมักพบบริเวณก้นของภาชนะพลาสติก

  1. โพลิเอทธิลีนเทเรฟทาเลต (Polyethylene terephthalate หรือ PET)
    – ทนแรงกระแทก ไม่เปราะแตกง่าย สามารถทำให้ใสมาก มองเห็นสิ่งที่บรรจุอยู่ภายในจึงนิยมใช้บรรจุน้ำดื่ม
    – ยังมีคุณสมบัติป้องกันการแพร่ผ่านของก๊าซได้เป็นอย่างดี จึงใช้เป็นภาชนะบรรจุน้ำอัดลม
    – สามารถนำกลับมารีไซเคิลใช้ใหม่ได้ โดยนิยมนำมาผลิตเป็นเส้นใย
  2. โพลิเอทธิลีนความหนาแน่นสูง (High density polyethylene, HDPe
    – ค่อนข้างแข็งแต่ยืดได้มาก ไม่แตกง่าย มีสีสันสวยงามยกเว้นขวดที่ใช้บรรจุน้ำดื่ม ซึ่งจะขุ่นกว่าขวด PET
    – HDPE สามารถนำกลับมารีไซเคิลเพื่อผลิตขวดต่างๆ เช่น ขวดใส่น้ำยาซักผ้า
  3. พลิไวนิลคลอไรด์ (Poly (vinyl chloride), PVC) PVC
    – PVC เป็นพลาสติกที่มีสมบัติหลากหลาย สามารถนำมาใช้ผลิตผลิตภัณฑ์อื่นได้อีกมาก เช่น ประตู หน้าต่าง วงกบ และหนังเทียม
    – PVC สามารถนำกลับมารีไซเคิล เพื่อผลิตท่อประปาสำหรับการเกษตร กรวยจราจร
  4. โพลิเอทธิลีนความหนาแน่นต่ำ (Low density polyethylene, LDPE)
    – เป็นพลาสติกที่ความนิ่ม สามารถยืดตัวได้มาก มีความใส นิยมนำมาทำเป็นฟิล์มสำหรับ ห่ออาหาร
    – สามารถนำกลับมารีไซเคิลใช้ใหม่ได้ โดยใช้ผลิตเป็นถุงดำสำหรับใส่ขยะ
  5.  โพลิโพรพิลีน (Polypropylene, PP)
    – เป็นพลาสติกที่แข็ง ทนต่อแรงกระแทกได้ดี ทนต่อสารเคมี ความร้อน และน้ำมัน มีสีสันสวยงาม นิยมนำมาทำภาชนะบรรจุอาหาร เช่น กล่อง ชาม จาน ถัง ตะกร้า
    – สามารถนำกลับมารีไซเคิลใช้ใหม่ได้ โดยนิยมผลิตเป็นกล่องแบตเตอรี่รถยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์
  6. โพลิสไตรีน (Polystyrene, PS)PS
    – เป็นพลาสติกที่แข็ง ใส แต่เปราะ และแตกง่าย นิยมนำมาทำเป็นภาชนะบรรจุของใช้ เช่น เทปเพลง สำลี เนื่องจาก PS เปราะและแตกง่าย จึงไม่นิยมนำพลาสติกประเภทนี้มาบรรจุน้ำดื่ม
    – มีการนำพลาสติกประเภทนี้มาใช้ทำภาชนะหรือถาดโฟมสำหรับบรรจุอาหาร โฟมจะมีน้ำหนักที่เบามากเนื่องจากประกอบด้วย PS ประมาณ 2-5 % เท่านั้น
  7. พลาสติกอื่นๆ ที่ไม่ใช่ 6 ชนิดแรก
    – สำหรับพลาสติกในกลุ่มที่ 7 เป็นพลาสติกชนิดอื่นที่ไม่ใช่ 6 ชนิดแรก นอกจะมีตัวเลขระบุแล้ว ควรใส่สัญลักษณ์ภาษาอังกฤษระบุชนิดของพลาสติกนั้นๆ ไว้ เพื่อสะดวกในการแยกและนำกลับมารีไซเคิล เช่น โพลิคาร์บอเนต (Polycarbonate, PC)